ผักต้ม พุง และศิริราช (บันทึกแห่งเลือดและน้ำตาฉบับสุดท้าย)

ผักต้ม พุง และศิริราช (บันทึกแห่งเลือดและน้ำตาฉบับสุดท้าย)

นี่คงเป็นกระทู้สุดท้ายแล้ว ที่ผมจะมาเขียนเล่าถึงการใช้ชีวิตอยู่ในศิริราชเพื่อลดความอ้วน เนื่องจากล่าสุด คุณหมอกำหนดวันแล้ซ่าจะผ่าตัดลดขนาดกระเพาะผมในวันจันทร์นี้ซึ่งหลังผ่า ผมต้องนอน icu อย่างน้อย 7 วัน และหลังจากนั้นต้องพักฟื้นอีก คงไม่ได้มาตั้งกระทู้ไปอีกนาน

ก่อนอื่นผมขออาศัยพื้นที่ตรงนี้ ขอบคุณ รพ ศิริราช และทีมแพทย์และพยาบาล ที่ดูแลผมอย่างดีตลอดเวลาสองเดือนที่แอดมิทตัว และตลอดเวลาปีกว่าที่ผมมารักษาตัวที่นี่ ขอบคุณมากๆครับ

ก่อนอื่นเลยที่ต้องเล่าคือ ผมเป็นคนอ้วนครับ อ้วนมาก น้ำหนัก ณ.วัแอดมิที่ตัว สองเดือนก่อน 221.5 กิโลกรัมครับ โดยผมอ้วนตั้งแต่เด็ก คุณพ่อคุณแม่ผมอ้วนหมด แต่ผมกล้าพูดได้เลยว่าผมไม่ได้อ้วนเพราะกรรมพันธุ์ ผมออ้วนเพราะนิสัารกินที่เสียมาตั้งแต่เด็กครับ โดยสามารถอ่านภาคประกอบได้ที่นี่

  http://pantip.com/topic/31550527

สั้นๆก็คือ ผมเป็นคนช่างกิน ชอบกิน และเลือกกินครับ ชอบเเละเลือกกินแต่ของอ้วนๆ เนื้อย่างต้องติดมัน แกงกะทิต่างๆ หมูทอด ขนมเค๊ก ฯลฯ จน นน ผมมาหยุดอยู่ที่ 175  มาสิบกว่าปีได้ จนมาเมื่อสามสี่ปีที่แล้วนี่เอง

ผมมาเริ่มเป็นเบาหวานเมื่อสักสี่ห้าปีมานี้เอง แต่ก็ไม่ได้สนใจควบคุมเท่าไร จนมาเมื่อ สามสี่ปีที่ผ่านมา ผมเริ่มมีอาการบวมที่เท้า ซึ่งแรกๆก็ไม่ได้สนใจ เพราะบวมแป๊บๆเดี๋ยวก็หาย แต่หลังๆเริ่มบวมบ่อยและนานขึ้น จนกระทั่ง

อาการบวมเริ่มลามมาที่ลำตัว ร่างกายที่อวบนิดๆ ก็เริ่มอวบขึ้น

แต่ปัญันไม่ใช่แค่บวมอะจิ

ที่ยๆคนไม่ทราบคือ อาการบวมน้ำ ตัวบวมนั้น มันจะมาพร้อมกับอาการ น้ำท่วมปอดครับ

เหนื่ครับ ทำไรก็เหนื่อยไปหมด จากท่ผมเคยเดินได้เป็นกิโล (สำหรับคนอ้วนถือว่าเยอะนะ) ณ.จุดแย่ที่สุด แค่ผมลุกมาเข้าห้องน้ำที่ห่างไปห้าเมตรก็เหนื่อยแล้ว!!!!!!!!!

และที่สำคัญ ช่วงหลังเริ่มมีอาการน้ำท่วมปอดบ่อยขึ้น  นอน รพ ปีละ สองสามหน จน ทาง รพ สมุทรปราการที่ดูแลผมตอนนั้น หมอถามว่าอยากลด นน ไหม ผมก็บอกว่าอยาก ทาง รพ จึงไ้ส่งตัวมาศิริราช  ซึ่งมาวันแรกก็โชคดี ได้เจอกับคุณหมอ พรพจน์ พอดี ซึ่งคุณหมอเป็นแพทย์ผู้ดูแลด้านโภชนาการ และเตรียมตัวคนไข้ก่อนการผ่าตัด

โดยทางคุณหมอได้คุยแนำเบื้องต้น และคุยกับผมเรื่องการผ่าตัด และในวันนั้นเอง ผมก็ได้รับใบนัดมาหนึ่งปึก เกือบๆสิบนัดได้ มีนัดครั้งต่อไป นัดจิตแพทย์ นัดส่องกล้งทางเดินหายใจ นัดส่องกล้องกระเพาะ  บลาๆๆๆๆๆๆๆ เรียกว่าตรวจทั้งตัวกันเลยทีเียว โดยคุณหมออธิบายว่า

ผมเป็นคนอ้วนมากอ้วนมาก การผ่าก็อันตรายกว่าคนปกติ เลยต้องตรวจละเอียดหน่อย

เหตุการณ์นี้ผ่านมาไ้ปีนึงแล้ว

หลังจากคุยเสร็จก็เป็นรายการ ......

บางนา ศิริราช มาราธอน

จากบ้านผมมาศิริราช ไม่หนุกนะ แถมบางทิตย์กดไปสองนัดก็มี   แต่ทั้งหมดผ่านไปได้เพราะมีพี่ที่ทำงานของน้าคอยไปรับไปส่ง ต้องขอบคุณพี่เค้ามากๆ

แต่การตรวจก็ทำให้็ทราบว่าผมเป็นโรคสลีปแอบเลีย หรือโรคหยุดหายใจตอนนอน และหลอดเลือดหัวใจตีบ

ซึ่งการเตรียมตัวผ่าจริงๆไม่เกินครึ่งปี แต่ผมต้องไปตรวจโรคพวกนี้ให้เคลียร์ก่อนจึงผ่าตัดได้

ระหว่างนั้นผมก็ยังมาตรวจกับคุณหมอที่ศิริราชอย่างสม่ำเสมอ แต่อาการบวมก็ยังมี โดยผมเข้ามานอนไปก่อนรอบนึงแล้วช่วงมิถุนา เพราะบวมน้ำ

หลังจากกลับบ้านมา คุณหมอก็บอกให้รอวัน คุณหมอจะแจ้งให้เข้ามานอน รพ โดยก่อนหน้านั้น ได้ให้ผมไปคุยกับ อาจารย์ ธัญเดช ซึ่งท่านจะเป็นผู้ผ่าผม

โดยอาจารย์ตอนแรกดุมากครับ ให้คุมอาหาร ให้สัญญาว่าตลอดชีวิตจะไม่กินน้ำหวานอีก แถมขู่อีกว่าถ้าทำไม่ได้หมอไม่ผ่าให้นะ ซึ่งต่อมาผมก้ได้ทราบว่า........

จิงฟแล้วท่านใจดีมากครับ แต่ท่านต้องขู้ก่อน ไม่งั้นมันไม่พยายามกันอะนะ 55555555

หลังจากแอดมิทตัว ผมก็ต้องเจอมาตรการเข้มข้น โดยจำกัดแคลลอรี่เหลือวันละ800 แคล โดยได้กินแต่ผักต้มล้วนๆ ไม่มีเนื้อ ไม่มีข้าว กับอาหารการแพทย์ชง 1 แก้ว

เนี่ยอะที่ชง



และหลังผ่านเดือนแรกไป ผมก็เจอลดเสต็ป2 เหลือวันละ 400 แคล!!!!!!!!!!

แต่มันมีข้อดีครับ เพราะคุณหมอให้ผมหยุดอาหาการแพทย์ แต่มากินแคลลอรี่จากเนื้อสัตว์แทน

ใข่ครัช เนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์!!!!!!!!!

นึกสภาพคนไม่ได้กินเนื้อมาเดือนกว่า มื้อแรกที่ผมได้กินนั้น ผมถึงกับหลั่งออกมาเลย!!!!!!!

  http://pantip.com/topic/32699350

นี่คือเหตุการณ์ที่ผมเกือบก่อคดีฆาตกรรม

http://pantip.com/topic/32726851

โดยสองเดือ่นที่ผ่านมา มันไม่สนุก นะ และบางเวลาก็หิวมากๆ แต่ตอนนี้ ผมผ่านโค้งสุดท้ายมาถึงทางตรงจะเข้าเส้นแล้ว จึงขอใช้กระทู้นี้เป็นเครื่องเตือนใจหลายๆคนที่อ้วนมากๆ หรือเริ่มอ้วน ให้ดูผมไว้ และพึงสังวรณ์ไว้ว่า หากยังคงไม่ดูแลตัวเอง นี่ล่ะคือสิ่งที่คุณจะต้องเจอ

ผมขอจบกระมู้นี้ไว้เพียงแค่นี้

ขอบคุณครัช
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่